ให้นักศึกษาแนะนำตนเอง
1.ประวัติส่วนตัว
2.ประวัติการศึกษา
3.ปรัชญาของนักศึกษา
4.ใส่รูปถ่ายของนักศึกษา
นี่คือตัวฉัน
“ชีวิตเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัว จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเรา” ประโยคนี้เป็นคติที่ดิฉันนำมาเตือนใจตัวเองเสมอ เพราะมันทำให้ดิฉันได้ทราบถึงสัจธรรมของชีวิตว่า การดำเนินชีวิตประจำวันของคนเราต้องอดทน ดิ้นรน และต่อสู้ เพื่อความอยู่รอด มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่สิ่งมีชีวิตต้องมีอุปสรรคให้ต่อสู้ แต่ในขณะที่เราดำเนินชีวิตประจำวันนั้น เราเองคือคนที่จะเลือกว่าเราจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว เหล่านี้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตของดิฉัน
ดิฉันชื่อ นางสาวกัญญารัตน์ ทองคำ ชื่อเล่น น้ำหวาน เกิดวันอังคาร ที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ดิฉันอาศัยอยู่บ้านเลขที่ ๑๐๗/๒ หมู่ที่ ๑๔ ตำบลโมคลาน อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช สิ่งที่ดิฉันชอบก็คือดอกไม้ เพราะดอกไม้ทำให้มีสีสันสวยงาม ดิฉันจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ มาจากโรงเรียนพรหมคีรีพิทยาคม ตำบลทอนหงส์ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช สาขาวิทย์-คณิต แต่ดิฉันมีความสามารถพิเศษในด้านนาฏศิลป์และชอบอ่านทำนองเสนาะ และค้นพบตัวเอง ปัจจุบันดิฉันกำลังศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในหลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย ชั้นปีที่ ๓ กลุ่มเรียน ๕๑๑๑๑๑๓.๐๔ รหัสประจำตัว ๕๑๑๑๑๑๓๐๙๖ อาจารย์ที่ปรึกษาคือ ผู้ช่วยศาสตร์ตราจารย์ศศิรัศมิ์ เพชรช่วย ดิฉันพักอยู่หอพัก C (ลดาไพรภิรมณ์) ดิฉันเป็นนักศึกษาประเภทกองทุนก็ยืมเพื่อการศึกษา ดิฉันได้เกรดเฉลี่ยสะสม ๓.๒๐
กัญญารัตน์ ทองคำ ชื่อนี้เป็นชื่อที่คุณพ่อตั้งให้ดิฉัน กัญญารัตน์ แปลว่า สาวน้อยที่งามดั่งแก้วรัตนตรัย คือ งามทั้งกาย วาจา ใจและใสสว่างดั่งแก้ว ดิฉันเกิดมาในครอบครัวของคุณพ่อสำรวญ ทองคำ คุณแม่อุษา ทองคำ ดิฉันมีน้องสาว ๑ คน และน้องชายอีก ๑ คน ดิฉันเป็นพี่คนโต ครอบครัวของดิฉันมีอาชีพทำสวนผสม ปลูกผลไม้ และผักสวนครัวไว้ทานเอง และเหลือก็นำไปขายที่ตลาด ดิฉันจึงกลายเป็นแม่ค้าตั้งแต่ดิฉันเรียนชั้นประถมศึกษา เพราะตอนเรียนชั้นประถมทุกตอนเช้าดิฉันจะขายขนม ผลไม้ ประจำทุกวัน และทุกวันเสาร์ดิฉันจะไปขายของที่ตลาดกับคุณอา จนดิฉันเข้าเรียนชั้นมัธยมดิฉันไมได้ขายขนมตอนเช้าเหมือนตอนเรียนประถม แต่ดิฉันได้สอนพิเศษนาฏศิลป์ และไปรำสถานที่ต่างๆ ดิฉันกลายเป็นนางรำของโรงเรียน เป็นประธานชมรมนาฏศิลป์เพื่อการแสดงตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคืออาจารย์นงเยาว์ เอี่ยมฐานนท์ ดิฉันชอบช่วยกิจกรรมในโรงเรียน หรือที่เรียกว่าช่วยทั้งงานราษฎร์งานหลวงด้วยใจรัก ตอนมัธยมดิฉันได้เกรดไม่ค่อยดี บางครั้งก็ท้อ แต่คุณพ่อกับคุณแม่ก็คอยเป็นกำลังใจให้ดิฉันเสมอ ท่านทั้งสองไม่เคยซ้ำเติม นอกจากให้โอกาสลูกปรับปรุงตัวเอง โดยที่ท่านทั้งสองจะเฝ้ามอง คอยตักเตือนดูแลให้กำลังใจยามลูกท้อและผิดหวัง ช่วงปิดภาคเรียนดิฉันจะไปทำงานพิเศษที่องการบริหารส่วนตำบลบ้าง ที่อำเภอบ้าง ก็จะได้บางครั้งก็ได้ ๒,๐๐๐ บาท ในวาระจ้างนักเรียน/นักศึกษาภาคฤดูร้อน จนดิฉันจบการชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ดิฉันได้รับรางวัล “นักเรียนดีเด่น ประเภท ศิลปะ/นาฏศิลป์” และเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ตอนแรกดิฉันอยากเรียนพยาบาล เพราะได้ช่วยเหลือผู้อื่น แต่พอมาคิดอีกทีพยาบาลเป็นงานหนัก ไม่ค่อยได้อยู่กับครอบครัว ดิฉันจึงเปลี่ยนความคิด และตัดสินใจมาสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ในหลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย ซึ่งเป็นความฝันตอนเด็กที่ดิฉันมองข้ามมันมานาน การที่ดิฉันเลือกเรียนภาษาไทยก็เพราะว่า ปัจจุบันเด็กมองข้ามคุณค่าความงดงามของภาษาไทย พูดไทยคำต่างประเทศคำตามความนิยม ตามสื่อที่มีในปัจจุบัน ดิฉันในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ก็อยากสืบทอดภาษาไทยไว้ให้ยาวนานที่สุด และทำประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย คือการเป็นครู เป็นผู้ให้ความรู้แก่เยาวชนรุ่นหลัง เพื่อตอบแทนแผ่นดินที่เราเกิด ให้เราอาศัยอยู่อย่างเป็นสุข สงบร่มเย็น
การดำรงชีวิตประจำวันในมหาวิลัยของดิฉันก็ไม่ได้แตกต่างกับตอนมัธยม แต่ดิฉันต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะต้องมาอยู่หอพักมหาวิทยาลัย ก็ต้องมีการปรับตัวมีภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง เมื่อใดเราก้าวออกจากบ้าน เมื่อนั้นภัยรอบตัวก็มีเยอะ นั่นคือสิ่งที่ดิฉันเฝ้าเตือนตัวเองเสมอทุกวันเสาร์ถ้าดิฉันไม่ติดภารกิจในมหาวิทยาลัยดิฉันจะกลับไปขายของที่ตลาด เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายตอนอยู่หอพัก ช่วงปิดภาคเรียนปีการศึกษา ๒๕๕๑ ดิฉันได้ไปสมัครงานที่ห้องสมุดศูนย์การศึกษานอกระบบ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช การสมัครฝึกทำงานภาคฤดูร้อนในครั้งนี้ ดิฉันตื่นเต้นมากเพราะเขารับแค่ ๑๐ คน จากจำนวนนักเรียน/นักศึกษา ๔๐ คน ดิฉันสอบสัมภาษณ์ได้ลำดับที่ ๓ ดิฉันดีใจมาก และได้เข้าฝึกที่ห้องสมุดศูนย์การศึกษานอกระบบ อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเวลา ๑๐ วัน
ช่วงเปิดเรียน สิ่งที่ดิฉันไม่เคยทิ้งนอกจากการเรียนก็คือ นาฏศิลป์ มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของดิฉัน ขณะดิฉันเรียน ดิฉันมีรายได้พิเศษจากการสอนพิเศษนาฏศิลป์ให้เด็กชมรมนาฏศิลป์โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช สอนพิเศษภาษาไทยแก่น้องๆลูกอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ทำให้ดิฉันมีรายได้และช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ จนปิดภาคเรียนปีการศึกษา ๒๕๕๒ ดิฉันได้ไปสอนพิเศษนาฏศิลป์ ที่โรงเรียนวัดถ้ำวราราม อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ช่วงวันที่ ๑๖ มีนาคม – ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ดิฉันกลับจากสอนพิเศษที่โรงเรียนวัดถ้ำวราราม ดิฉันได้รับคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยให้ไปสอนพิเศษวิชาภาษาไทย ในโครงการร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยกับองการบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน ๒๐ วัน เริ่มสอนในวันที่ ๑๖ เมษายน – ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ปิดภาคเรียนครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้ประสบการณ์หลายอย่าง และได้เรียนรู้การเป็นครูจริงๆ มีความสุกับการได้อยู่กับเด็กๆ และได้ทำในสิ่งที่ดี ได้ช่วยพ่อแม่แบ่งเบาภาระด้านการเงิน สร้างความดีคู่ชีวิต
“คิดดี พูดดี ทำดี” คือภูมิคุ้มกันความไม่ดีไม่ให้มาเข้าใกล้เรา จงทำแต่ความดีเพราะความดีเมื่อเราได้ลงมือกระทำแล้วทำให้เรามีความสุข เกิดความภาคภูมิใจ เป็นที่รักของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เพราะทุกคนจะเฝ้าอบรมสั่งสอนให้เราเป็นคนดี คนเก่ง มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนรอบข้าง แม้บางครั้งการทำความดีอาจไม่มีใครมองเห็น แต่ตัวเราเป็นผู้รับรู้และเห็นมัน เราโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ผู้ประเสริฐ โชคดีที่มีโอกาสได้ทำความดีได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ดิฉันได้ยึดหลักพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง หลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา คำสั่งสอนของคุณพ่อ คุณแม่ รวมทั้งคณะครูอาจารย์ทุกท่าน ผู้ที่มีพระคุณต่อดิฉันทุกคน ดิฉันจะนำแบบอย่างและคำสั่งสอนเหล่านั้น เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของดิฉัน “จะไม่คิดทำชั่ว จะมุ่งทำแต่ความดี” ให้สมกับเป็นพลเมืองของชาติ เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีในพระพุทธศาสนา เป็นลูกที่ดีของคุณพ่อและคุณแม่ เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ และจะไม่ทำให้ผู้มีพระคุณต้องผิดหวังในการกระทำของดิฉัน ดิฉันจะรักษาความดีดั่ง “เกลือรักษาความเค็ม” และจะทำความดีจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
นางสาวกัญญารัตน์ ทองคำ
รหัส ๕๑๑๑๑๑๓๐๙๖ ห้อง๔
หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาภาษาไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น